วันอาทิตย์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2560

                                                                         ภารกิจพิเศษ
1. สรุปเนื้อหาวรรณกรรมขูลูนางอั้ว
ท้าวขูลูเป็นโอรสของ ท้าวพรมสีและ พระนางพิมพากาสีซึ่งเป็นกษัตริย์และราชินีแห่ง นครกาสีส่วน นางอั้วเคี่ยมหรือ นางอั้วนั้นเป็นธิดาของ ท้าวปุตตาลาดและ พระนางจันทาซึ่งเป็นกษัตริย์และราชินีแห่ง กายนครโดยที่กษัตริย์และราชินีของทั้งสองเมืองนี้เป็นเพื่อนที่สนิทและร่วมน้ำสาบานกัน และยังได้ตกลงกันไว้ว่าถ้ามีโอรสเหมือนกันจะให้เป็นเพื่อนกัน แต่ถ้าต่างเพศกันจะให้แต่งงานกัน ซึ่งทั้งสองเมืองก็ไปมาหาสู่กันเป็นประจำ ในคราวหนึ่งพระนางจันทาซึ่งกำลังตั้งครรภ์อ่อนๆและกำลังแพ้ท้องได้ไปเยี่ยมพระนางพิมพากาสีที่นครกาสี ซึ่งพระนางพิมพากาสีก็ทรงครรภ์อ่อนๆเช่นเดียวกัน และทั้งคู่ได้พากันไปประพาสอุทยาน ครั้นเสด็จผ่านสวนส้มเกลี้ยง(ส้มโอ)พระนางจันทารู้สึกหิวอยากเสวยผลส้มมากจึงขอจากพระนางพิมพากาสีแต่นางไม่ให้เพราะส้มนั้นยังไม่สุก ทำให้พระนางจันทาโกรธมากและผูกใจเจ็บอย่างยิ่ง
หลังจากนั้นไม่นานพระนางพิมพากาสีก็คลอดลูกออกมาเป็นชายให้ชื่อว่า ขูลูส่วนพระนางจันทาก็คลอดลูกออกมาเป็นหญิงให้ชื่อว่า นางอั้วซึ่งทั้งคู่นั้นเกิดปีเดียวกัน ต่างก็ได้รับการอบรมและเลี้ยงดูอย่างดี เมื่อท้าวขูลูอายุ ๑๕ ปีก็ได้มาเยิ่ยมชมและมอบเครื่องบรรณาการแก่เมืองกายนคร และได้มีโอกาสพบเจอและรู้จักกับนางอั้ว โดยเมื่อแรกพบทั้งคู่ก็รู้สึกรักใคร่และชอบพอกันตั้งแต่แรกพบเลยทีเดียวอันเนื่องด้วยบุพเพสันนิวาสนั้นเอง เมื่อท้าวขูลูกลับมาที่เมืองของตนก็รู้สึกคิดถึงนางอั้วใจจะขาดอยากจะได้นางอั้วมาเป็นมเหสี จึงได้รบเร้าบิดามารดาให้ไปสู่ขอนางอั้วให้กับตน บิดาและมารดาก็ได้แต่งให้แม่สื่อไปสู่ขอทาบทามนางอั้วให้กับท้าวขูลู แต่พระนางจันทาไม่ยอมยกให้ เมื่อแม่สื่อกลับมาบอกท้าวขูลู ทำให้ท้าวขูลูโศกเศร้าเสียใจมาก
ฝ่ายขุนลางกษัตริย์แห่ง เมืองขอมภูเขาก่ำ” (เขมรป่าดงหรือชาวป่าสักยันต์ขาลายสีดำ) เป็นชนเผ่าที่ยังไม่เจริญ เมื่อได้ยินกิตติศัพท์เล่าลือว่านางอั้วเคี่ยมมีความงดงามมากก็อยากได้ไปเป็นมเหสีเช่นกัน จึงได้ส่งเครื่องบรรณาการต่างๆมาให้พระนางจันทาอยู่บ่อยๆและด้วยฤทธิ์มนต์คาถาของขุนลางที่ติดมากับเครื่องบรรณาการเหล่านั้น ก็ทำให้นางจันทาเกิดความพึงพอใจขุนลางอยากได้เป็นลูกเขย แต่นางอั้วเคี่ยมเมื่อรู้ข่าวก็เสียใจและไม่ยอมรับ โดยอ้างว่าขุนลางเป็นคนนอกศาสนา ไม่นับถือพระธรรม แต่นางจันทาได้ส่งแม่สื่อไปยอมรับคำสู่ขอนั้นและรับปากขุนลางว่าจะปลอบประโลมนางอั้วเคี่ยมในภายหลังให้เอง ฝ่ายท้าวขูลูนั้นเมื่อรู้ข่าวขุนลางส่งบรรณาการและมีความประสงค์อยากได้นางอั้วไปเป็นมเหสี ก็กระวนกระวายใจจึงได้ขอร้องให้บิดามารดาส่งแม่สื่อไปสู่ขอนางอั้วให้อีกครั้ง และทวงสัญญาที่เคยให้กันไว้ของทั้งสองเมือง แต่ก็ถูกปฏิเสธจากพระนางจันทาและบอกว่าเลิกสัญญานี้ตั้งแต่นางขอผลส้มไม่ได้เมื่อคราวเที่ยวอุทยานนครกาสีครั้งโน้นแล้ว
 และเมื่อเรื่องชักจะบานปลายอาจเกิดศึกสงครามชิงนางขึ้นมาได้ ทางเมืองกายนครก็หาทางออกโดยการที่จะทำการ เสี่ยงสายแนนหรือ รกห่อหุ้มทารกซึ่งเชื่อกันว่าทุกคนจะมีสายรกพัวพันกันอยู่บนเมืองแถน(สวรรค์)ก่อนมาเกิดบนโลกมนุษย์และต้องเป็นคู่กันตามสายแนนนั้น ถ้าแต่งงานผิดสายแนนจะต้องหย่าร้างกัน และให้คนทรงทำพิธีเซ่นไหว้ พระยาแถน”(พระอินทร์)และนำของไปถวายพระยาแถนเพื่อขอดูสายแนนของท้าวขูลูและนางอั้ว ซึ่งก็พบว่าสายของทั้งสองพันกันอยู่ แต่ตอนปลายยอดด้วนและปลายแยกออกจากกัน ซึ่งแสดงว่าเป็นเนื้อคู่กันจริงแต่อยู่กันไม่ยืดต้องพลัดพรากในที่สุด นอกจากนี้ยังพบว่าสายแนนของท้าวขูลูนั้นมีแท่นทองอยู่ด้วยแสดงว่าเป็น พระโพธิสัตว์ลงมาเกิด  เมื่อแม่สูนหรือนางทรงหรือนางเทียมได้แจ้งความดังนั้นก็ได้แจ้งให้พระนางจันทาทราบ เมื่อพระนางจันทาทราบดังนั้นก็เร่งรัดให้มีการอภิเษกสมรสระหว่างขุนลางกับนางอั้วให้เร็วขึ้น ฝ่ายนางอั้วซึ่งรักอยู่กับท้าวขูลูไม่ว่าผลการเสี่ยงทายสายแนนจะออกมาอย่างไรก็ตาม ท้าวขูลูโศกเศร้าเสียใจและทุกข์ทรมานมากจนกินไม่ได้นอนไม่หลับเมื่อทราบข่าวพิธีวิวาห์นั้นซึ่งนางอั้วก็เช่นกัน นางอั้วจึงให้คนส่งข่าวไปหาท้าวขูลูให้มาหานางก่อนพิธิอภิเษกสมรสโดยให้รอพบกันที่อุทยานที่ทั้งคู่ได้พบกันและบอกรักกันในคราวก่อนโน้น เมื่อท้าวขูลูทราบเช่นนั้นก็รีบเดินทางมาหานางในทันที ทั้งคู่ได้แอบพบกันก่อนที่จะเริ่มงานอภิเษกสมรสหนึ่งวัน ทั้งคู่ต่างคร่ำครวญร่ำไรรำพันปริ่มว่าจะขาดใจและทั้งคู่ก็ได้เสียเป็นของกันและกัน เมื่อพระนางจันทาทราบว่านางอั้วแอบมาพบกับท้าวขูลูที่อุทยานก็ตามมาพรากตัวนางไปและดุด่าว่ากล่าวนางอั้วต่างๆนาๆ
นางอั้วเสียใจและทุกข์ทรมานในรักที่ไม่สมหวังมากยิ่งนักซึ่งในวันรุ่งขึ้นก็จะเข้าพิธีอภิเษกกับขุนลางแล้ว นางจึงตัดสินพระทัยผูกคอตายในห้องบรรทมของนางในคืนนั้นเอง พอรุ่งเช้าจะทำพิธีแล้วแต่นางอั้วยังไม่เสด็จออกมาก็เลยต้องให้คนไปตาม อนิจจา!
ฝ่ายท้าวขูลูเมื่อทราบข่าวว่านางอั้วผูกคอตายแล้ว ก็โศกเศร้าเสียใจทุกข์ทรมานและอาลัยรักนางมาก จึงถอดพระขรรค์ออกจากฝักแล้วก็แทงพระศอ(คอ)ตัวเองตายตามนางไปที่เมืองกายนครนั้นเอง
     1.1 ที่มาและความสำคัญ
หนังสือเล่มนี้เดิมที่เป็นของนักปราชญ์สมัยโบราณ ท่านจารึกเป็นอักษรลาวใส่ใบลานไว้ ได้นับถือสืบๆ กันหลายชั่วอายุ นับว่าเป็นหนังสือที่ไพเราะสนุกสนานเพลิดเพลินเจริญจิต มี รัก โศก ปิยวิปโยคถึงขนาด ฉะนั้นจึงมีผู้ขัดคอลอกออกพิมพ์เป็นอักษรไทยต่อมา
บัดนี้ข้าพเจ้าผู้หนึ่งซึ่งหวังความถาวรแห่งวรรณคดีโบราณ จึงได้เรียบเรียงและรวบรวมหนังสือเล่มนี้จนสำเร็จเป็นเล่มขึ้นได้ ด้วยความอุตสาหะวิริยภาพอันแรงกล้าของข้าพเจ้า ส่วนความดีของหนังสือนี้ขอรับรองว่าไม่แพ้หนังสืออื่นใดในประเภทเพลินจิตด้วยกัน
อนึ่ง ข้าพเจ้าขอมอบต้นฉบับหนังสือนี้ให้แก่ บริษัท ขอนแก่นคลังนานาธรรม จำกัด เพื่อจัดการพิมพ์ต่อไป
                                                                                                                                           ก. กิ่งแก้ว ป.
ไม่ปรากฏผู้แต่ง เพราะวรรณกรรมพื้นบ้านส่วนใหญ่เป็นการแต่งตามแนวของนิทานชาดก
ที่มาหนังสือรวมนิทาน อีสานชุดที่ ๒   เรียบเรียง จินดา   ดวงใจ  พ.. ๒๕๔๔
จัดพิมพ์และจำหน่ายที่ บริษัท ข่อนแก่น คลังนานาธรรม จำกัด
โทร ๗๔๓-๒๒๑๕๙๑,๒๒๑๓๔๖ กด ๐
แฟกซ์ ๐๔๓-๒๒๓๔๘๒
พิมพ์ที่ หจก. โรงพิมพ์คลังนานาวิทยา
โทร ๐๔๓๓๒๘๕๘๙๙๑
สงวนลิขสิทธิ์
บทที่2
การวิเคราะห์ชื่อและเนื้อหาในวรรณกรรมเรื่องขูลูนางอั้ว
1.วิเคราะห์ชื่อเรื่อง
           ชื่อเรื่องตั้งจากตัวละครเอกคือท้าวขูลูกับนางอั้ว เป็นชื่อที่ตั้งขึ้นมาโดยไม่ได้มีความหมาย

2. แก่นเรื่อง
           ความรักที่ไม่สมหวังเพราะความใจร้อนของอีกฝ่าย


3. โครงเรื่อง
     เปิดเรื่อง
           - ท้าวขูลูเป็นโอรสของเท้าพรหมสีและพระนางพิมพากาสีกษัตริย์แห่งเมืองนครกาสี
           - นางอั้วเป้นธิดาของท้าวปุตตาลาดและพระนางจันทรากษัตริยืแห่งเมืองกายนคร

ดำเนินเรื่อง
            -กษัตริย์ทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทและร่วมน้ำสาบานกันและตกลงกันว่าถ้ามีโอรสจะให้เป็นเพื่อนกันแต่ถ้าต่างเพจะให้แต่งงานกัน

ผูกปม
           -ในคราวหนึ่งพระนางพิมพากาสีและพระนางจันทราตั้งครรภ์อ่อนๆทั้งค่ได้เสด็จประพาทอุทยานสวนส้มเกลี้ยง(ส้มโอ) พระนางจันทราหิวเลยอยากเสวยผลส้ม แต่พระนางพิมพากาสีไม่ให้เพราะส้มยังไม่สุกทำให้พระนางจันทราโกรธมาก

ปมสูงสุด
          -เมื่อท้าวขูลูและนางอั้วเติบโตแล้วเจอกันครั้งแรกต่างก็รู้สึกรักใคร่ชอบพอกันท้าวขูลูจึงกลับไป อ้อนวอนให่มารดามาสู่ขอนางอั้ว แต่พระนางจันทราไม่ยอมยกให้ ท้าวขูลูเสียใจอย่างมาก
          -ฝ่ายขุนลางกษัตริย์เมืองขอมภูเขาก่ำได้หลงรักนางอั้วจึงส่งบรรณาการต่างๆมาให้พระนางจันทราอยู่บ่อยๆพระนางจันทราจึงเกิดความพึงพอใจ
          - ท้าวขูลูจึงทวงสัญญาแต่ถูกปฏิเสธ จึงเกิดสงครามระหว่างท้าวขูลูกับขุนลางปรากฏว่าขุนลางชนะพระนางจันทราจึงให้นางอั้วแต่งงานกับขุนลาง

คลายปม
          -นางอั้วเมื่อรู้ว่าตนจะได้แต่งงานกับขุนลางจึงคิดหาวิธีการแก้ไขปัญหาโดยการผูกคอตาย ก่อนตายได้้   อธิฐานขอให้ได้ครองรักกันกับท้าวขูลูบนสวรรค์

จบเรื่อง
          -ท้าวขูลูทราบการตายของนางอั้วก็เกิดความเสียใจอย่างมาก จึงคว้ามีดแทงคอตัวเองตาย สุดท้ายดวงวิญญาณสองหนุ่มสาวได้พบกันบนสวรรค์


4.วิเคราะห์ตัวละคร
       4.1 ท้าวขูลู
               เพศ            ชาย
               ชาติ            คน
               ฐานะ          โอรสกษัตริย์
               ลักษณะ     หน้าตาหล่อเหลา มีวิชาการต่อสู้
               สถานะ       ปกติ
      4.2 นางอั้ว
               เพศ            หญิง
               ชาติ            คน
               ฐานะ          ธิดากษัตริย์
               ลักษณะ     หน้าตาสวยงามผิวพรรณดี มีเสน่ห์
               สถานะ       ปกติ
4.3  ขุนลาง
               เพศ            หญิง
               ชาติ            คน
               ฐานะ          กษัตริย์
               ลักษณะ     นิสัยไม่ดี ชอบแย่งชิง
               สถานะ       ปกติ

ภาษา
นิทานขูลูนางอั้วในหนังสือเล่มที่ยกมาการใช้ภาษาจะแต่งเป็นคำกลอนโบราณอีสาน ฉันทลักษณ์ที่ใช้จะเป็นภาษาอีสาน คล้ายการแต่งร่าย มีสัมผัสสระและพยัญชนะเพื่อทำให้เกิดความคล้องจอง ไพเราะและทำให้ผู้อ่านเกิดความคล้อยตามเน้นการใช้ภาษาอีสานหรือภาษาลาว เพราะเป็นวรรณกรรมอีสานเป็นหนังสือที่เหมาะแก่ผู้อ่านทั่วๆไปเพื่อความสนุกสนาน อ่านแล้วทำให้ฉุดคิด มีคติสอนใจ ไม่ว่าจะเป็นคติทางโลกและทางธรรม เป็นหนังสือที่ใช้ภาษาอีสานหรือภาษาลาวได้ไพเราะมาก
ฉาก / สถานที่
ฉากหลัก
1. ฉาก อุทยานสวนส้มเกลี้ยง
     เป็นฉากที่พระนางพิมพากาสีและพระนางจันทาเสด็จประภาสสวนส้มเกลี้ยงแล้วพระนางจันทารู้สึกหิวจึงอยากกินส้มแต่พระนางพิมพากาสีไม่ยอมให้เพราะผลส้มยังไม่สุกพระนางจันทาจึงโกรธ
2. ฉาก ในป่า
เป็นฉากที่นางอั้วจะผูกคอตายหลังจากที่รู้ว่ามารดาจะให้แต่งงานกับขุนลางในวันรุ่งขึ้นจึงอธิษฐานขอให้กิ่งไม้โน้มลงมาให้ตัวเองได้ผูกคอนางอั้วจึงตายในที่ตรงนั้น
3. ฉากเมืองกายนคร
เมื่อท้าวขูลูพ่ายศึกกับขุนลางหลังจากนั้นได้ทราบข่าวการตายของนางอั้วก็โศกเศร้าเสียใจทุกข์ทรมานและอาลัยรักนางมาก จึงถอดพระขรรค์ออกจากฝักแล้วก็แทงพระศอ(คอ)ตัวเองตายตามนางไปที่เมืองกายนครนั้นเอง
ฉากรอง
1. ฉากเมืองนครกาสี  ในคราวหนึ่งพระนางจันทาซึ่งกำลังตั้งครรภ์อ่อนๆและกำลังแพ้ท้องได้ไปเยี่ยมพระนางพิมพากาสีที่นครกาสี ซึ่งพระนางพิมพากาสีก็ทรงครรภ์อ่อนๆเช่นเดียวกัน
2. ฉากเมืองขอมภูเขาก่ำ   ฝ่ายขุนลางกษัตริย์แห่ง เมืองขอมภูเขาก่ำ” (เขมรป่าดงหรือชาวป่าสักยันต์ขาลายสีดำ) เป็นชนเผ่าที่ยังไม่เจริญ เมื่อได้ยินกิตติศัพท์เล่าลือว่านางอั้วเคี่ยมมีความงดงามมากก็อยากได้ไปเป็นมเหสีเช่นกัน

บทที่ 3
ความโดดเด่นของวรรณกรรม
ความโดดเด่นของโครงเรื่อง
ตอน พระนางพิมพากาสีและพระนางจันทาเสด็จประพาสสวนส้มทำให้เกิดเหตุขัดพระทัยกันที่พระนางจันทาอยากกินส้มแต่พระนางพิมพากาสีไม่ให้เพราะส้มยังไม่สุกจึงทำให้โกรธเคืองกันเป็นเรื่องมาถึงรุ่นลูก
ตอน  ท้าวขูลูและนางอั้วเจอกันครั้งแรกก็เกิดหลงรักใคร่ชอบพอกันฝ่ายท้าวขูลูจึงอ้อนพระนางพิมพากาสีให้มาสู่ขอนางอั้วให้ แต่พระนางจันทาไม่ยอมยกลูกสาวให้
ตอน ท้าวขุนลางเมื่อเห็นนางอั้วครั้วแรกก็เกิดหลงรัก จึงส่งเครื่องบรรณาการข้าวของทรัพย์สินมีค่ามาให้พระนางจันทาอยู่เป็นประจำจนพระนางจันทาเกิดความพอใจจะยกลูกสาวให้
ตอน เมื่อท้าวขูลูทราบข่าวว่าพระนางจันทาจะยกนางอั้วให้ขุนลางก็ไปทวงสัญญาที่เคยว่าไว้จะให้แต่งงานกันกับนางอั้วแต่พระนางจันทาไม่ยอมจึงเกิดสงครามระหว่างฝ่ายท้าวขูลูและฝ่ายขุนลางเกิดการต่อสู้กัน
ตอน นางอั้วขอลาตาย เมื่อนางอั้วทราบข่าวที่ตนเองจะไม่ได้ครองคู่กันกับท้าวขูลู และมารดาจะยกตัวเองให้ขุนลางจึงเกิดความเสียใจจึงขอผูกคอตาย ก่อนตายจึงสั่งลาขอให้ตนได้พบรักกันกับท้าวขูลูในชาติหน้าให้ได้เป็นคู่ครองกันบนสวรรค์ชั้นฟ้า
ตอน ฝ่ายท้าวขูลูเมื่อทราบข่าวว่านางอั้วผูกคอตายแล้ว ก็โศกเศร้าเสียใจทุกข์ทรมานและอาลัยรักนางมาก จึงถอดพระขรรค์ออกจากฝักแล้วก็แทงพระศอ(คอ)ตัวเองตายตามนางไปที่เมืองกายนครนั้นเอง
หมายเหตุ ความโดดเด่นของเนื้อเรื่องคือการปิดเรื่องด้วยโศกนาฏกรรม

บทที่ 4
การนำไปประยุกต์ใช้
1. เรื่องเล่าตำนาน

เรื่องเล่าต่อกันมาของรักอัมตะของท้าวขูลูกับนางอั้วเคี้ยมที่รักกันมากแต่สุดท้ายความรักก็ไม่สมหวังจบเรื่องแบบโศกนาฏกรรม



ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เรื่องเล่าตำนานขูลูนางอั้ว
2. หมอลำอีสาน ลำเพลิน และลำเรื่องต่อกลอน
อั้วนางเอ๋ย….. เบิดเวลาสิ้นชะตามันค้อย บ่หวังคอยสิอยู่ไขประตูเปิดอ้า เวลาข่อนตอนเที่ยงคืน อั้วมายืนตลึงจ้องเก็บข้าวของเมี่ยนในบ่อนเก็บที่นอนเรียบร้อยจดหมายน้อยฝากส่งความ ชาตินี้บ่ได้ร่วมเป็นเนื้อคู่กับผัวอั้วสิขอลาตาย อย่าห่วงนางเด้อหละอ้าย ข้อลาชายอยู่ในจดหมายน้อยทวนความหลังครั้งอดีต ชะตาขีดเส้นไว้เป็นทางกั้นดอกแบ่งสองชาตินี้พี่และน้องไม่ได้อยู่ครองกัน บุพเพฉันไม่เคยมีก่อนมาชาตะค้อย บ่หวังคอยดอกเด้อพี่หากชาติหน้ายังมี ขูลูอ้ายจังหมายเซ้อ…. ชาตินี้น้อชาตินี้เอาบ่ได้มีเวรข่องอยู่บ่เซา อั้วขอเอิ่นสั่งเจ้าก่อนสิจากกันลาตาย เอิ่นสั่งชาย เป็นความหลังฝากส่ง ในจดหมายน้อย ขูลูเอ๋ยคันแม่นน้องไปก่อนสิเอาปี่กับแคนเด้อละอ้ายหากแม่นอ้ายไปลุนให้เอาหวีกับซ้อนมาญอเอ้ญ่อง อยู่เทิงฟ้าดอกไม้กันนอกจากนั้นคันแม่นนอกจากนั้น มีหยังแน่ให้เตรียมเอาข้าวของผลกรรมที่พี่ทำเด้อบุญไว้ จดหมายนางมาถึงนี้ ขอลาทีในคืนนี้น้องลาก่อนพับจดหมายวางไว้บอนค้างใส่หมอนแล้วสิได้ เดินลงห้องกล่องนํ้าตาพี่ลูเอย…. โอ๊ยละน้อ……………..                                                                             
                                                                                                               นางบุญหลาย    หาญแก้ว
                                                                                                             หรือบุญหลายน้อย   เมืองร้อยเอ็ด


3. นิทาน    นำเรื่องราวของเรื่องขูลูนางอั้วมาแสดงเป็นนิทานพื้นบ้านโดยอิงพื้นฐานเดิมของต้นฉบับอาจจะเปลี่ยนหรือดัดแปลงจากต้นฉบับบเล้กน้อยเพื่อความสนุกสนานเพลิดเพลิน
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ นิทานขูลูนางอั้ว

สื่อการเรียนรู้
ทำเป็นสมุดภาพระบายสีเรื่องขูลูนางอั้ว



http://i375.photobucket.com/albums/oo200/b-padung/001re.jpg?t=1284562910http://i375.photobucket.com/albums/oo200/b-padung/002re.jpg?t=1284562909



สรุปท้ายเรื่องอินโฟกราฟฟิค


อ้างอิง
จินดา   ดวงใจ  และ ก. กิ่ง ป. แก้ว (2544). นิทานท้าวขูลูนางอั้ว   พิมพ์ที่  หจก.โรงพิมพ์ คลังนานาวิทยา จำกัด  จัดพิมพ์และจำหน่ายที่ บริษัท ขอนแก่น คลลังนานาธรรม จำกัด  161/6-8 ตรงข้ามตลาดสดเทศบาล1 ข้างโรงเรียนกัลยาณวัตร ถนนกลางเมือง ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดข่อนแก่น 40000 โทร.(043) 221591,221346,กด ๐ แฟลกซ์ (043) 223482  www.KLANGNANATHAM.COM/EMAIL : KLANGNANATHAM.COM/EMAIL@GMAIL.COM (สงวนลิขสิทธิ์) ISBN : 974-90052-6-0
https://sites.google.com/site/zzxzzx23tyutyu57/tanan/khulu-na-ngxaw











ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น